5G เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัด และเพิ่มขีดความสามารถใหม่ๆ ให้กับโซลูชั่นสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต ด้วยคุณสมบัติใหม่ของ 5G ในเรื่องแบนด์วิธ (Bandwidth) ที่รองรับการรับส่งข้อมูลปริมาณมาก ด้วยความเร็วสูง ค่าความหน่วง (Latency) ต่ำ ที่รองรับการทำงานที่ต้องการความแม่นยำหรือการควบคุมเครื่องจักรอุปกรณ์ระยะไกล และการรองรับการเชื่อมต่อใช้งานได้จำนวนมาก เพื่อการใช้งานอุปกรณ์ sensor หรือ IoT (Internet of Things) พร้อมทั้งการพัฒนา 5G Platform อาทิ SA/NSA Dual Network, Network Slicing, Multi-access EDGE Computing และ Private Network จึงทำให้การออกแบบเครือข่ายสามารถทำได้เหมาะสมตามความต้องการของโซลูชั่นในแต่ละอุตสาหกรรม
5G Smart Manufacturing Solutions เป็นการนำโครงสร้างพื้นฐาน 5G ผสานความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ทั้ง OT (Operation Technology) และ SI (System Integrator) ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมให้บริการโซลูชั่นสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตอย่างครบวงจร ยกระดับอุตสาหกรรมไทยไปสู่ Thailand Smart Manufacturing 4.0
5G Smart Manufacturing Solutions พร้อมให้บริการแล้ว โดยครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการในทุกมิติสำหรับภาคอุตสาหกรรม อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การควบคุมคุณภาพสินค้าจากการผลิต การตรวจสอบ บำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ การป้องกันอันตรายที่เกิดกับแรงงาน และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การควบคุมมลพิษ การจัดการพลังงาน การจัดการโลจิสติก เป็นต้น โดยแบ่งกลุ่มบริการเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1) Smart Production Line , 2) Remote Factory , 3) Smart Workforce, 4) Smart Workplace, 5) Smart Logistics & Warehouse และ 6) Energy & Emission Management
เป็นการนำ Robotics, Automation, Machine Vision, IoT Sensors และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มาทำงานร่วมกัน โดย 5G จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้าน Mobility, Stability, Bandwidth และ Low Latency เพื่อสร้างความยืดหยุ่น เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความแม่นยำและคุณภาพสินค้า ลดเวลาและทรัพยากรสิ้นเปลืองที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต
ด้วยคุณสมบัติของความเร็ว และความหน่วงต่ำ ของ 5G สามารถต่อยอดให้ภาคอุตสาหกรรมสามรถทำงานจากระยะทางไกลผ่าน Application ได้ โดยมีโซลูชันที่สามารถนำมาใช้งานได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Remote Monitoring , Remote Maintenance, Remote Development, Remote Service
เทคโนโลยี 5G, IoT, AI สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพและความปลอดภัยให้กับ พนักงานในภาคอุตสาหกรรม เช่น การใช้เทคโนโลยี Machine Vision ตรวจสอบการแต่งชุดความปลอดภัยและการทำงานที่ถูกต้อง การเว้นระยะห่างตามมาตรฐาน Social Distancing
5G ยังช่วยพัฒนาทักษะการทำงานใหม่ เช่น ใช้ AR / VR เพื่อผสานการทำงานระหว่างโลกที่แท้จริงกับการสร้างโลกเสมือน เพื่อให้ผู้ทำงาน สามารถตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยาก และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี 5G และ IoT สามารถสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการทำงานที่ปลอดภัย เหมาะสมกับการทำงาน อาทิ การจัดการอากาศ แสง การลดการสัมผัส ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่อาจเกิดผลกระทบกับการหยุดการผลิต
นอกจากนั้น ยังสามารถสร้างสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ บนโลกเสมือน หรือการทำงานระยะไกล เพื่อลดอันตรายในสถานที่ทำงานที่ไม่หมาะสมด้วย
บริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความยั่งยืน การประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายและการปล่อยคาร์บอน การปล่อยน้ำเสียโดยใช้ข้อมูลแบบ real-time จากอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่ออยู่บนโครงข่าย 5G ทำให้พร้อมการคาดการณ์การใช้พลังงานล่วงหน้า เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
เมื่อผนวกการใช้งานสัญญา 5G กับอุปกรณ์ IoT และการประมวลผลบนระบบ AI และ ML ทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถได้รับข้อมูลจากการใช้งานจริงเพื่อให้สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ ทรัพย์สินต่างๆ อย่างคุ้มค่า ลดค่าใช้จ่าย สำหรับในเรื่องของการขนส่งยังสามารถนำข้อมูลมาปรับปรุงการขนส่งได้ตรงเวลา ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น ด้วยการใช้เครื่องมือการวางแผนและการประเมินล่วงหน้าที่ยืดหยุ่น