Microsoft Azure เป็นแพลตฟอร์ม (Platform) สำหรับให้บริการศูนย์ข้อมูลสำหรับองค์กร ในรูปแบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ (Region) ทั่วโลก กว่า 60 ภูมิภาค มีบริการต่างๆ กว่า 200 บริการให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมขององค์กร (จาก https://azure.microsoft.com/en-us/global-infrastructure/geographies/)
เป็นการให้บริการในรูปแบบการรับผิดชอบร่วมกัน (Shared Responsibility) ระหว่างลูกค้า และ Microsoft และมีการแบ่งรูปแบบการรับผิดชอบร่วมกันเป็น 3 รูปแบบคือ
การทำงานที่ Microsoft รับผิดชอบการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็นในศูนย์ข้อมูล (Datacenter) เช่นเครื่องแม่ข่าย, ระบบเครือข่าย, ตลอดจนพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆ ส่วนบริการอื่นๆ อันต่อเนื่องไปเช่น ระบบปฏิบัติการ ลูกค้าจะต้องทำการบริหารจัดการเอง ตัวอย่างของ IaaS เช่น Virtual Machine, Storage Account เป็นต้น การทำงานในรูปแบบนี้เป็นที่นิยมใช้มากในการย้ายระบบโครงสร้างพื้นฐานมาจากศูนย์ข้อมูลขององค์กร (On-premise)
รูปแบบการให้บริการแบบ PaaS นี้ทาง Microsoft จะมีการดูแลระบบปฏิบัติการ และเครื่องมือต่างๆ ในทำทำงานของแอพลิเคชันเพิ่มให้จาก IaaS การให้บริการในรูปแบบ PaaS เช่น Azure App Service, Azure Dev Ops, Azure Function, Azure SQL Database เป็นต้น การทำงานในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับการพัฒนา แอพลิเคชันใหม่สำหรับใช้งานบน Microsoft Azure โดยเฉพาะ ลดภาระการทำงานของผู้ดูแลระบบลงได้มาก
เป็นการให้บริการโดย Microsoft รับผิดชอบการดูแลระบบต่างๆ ให้ทั้งหมด ทำให้การบริการจะอยู่ในรูปแบบสำเร็จรูป เช่น Microsoft 365 เป็นต้น
Azure Virtual Machine (VM) เป็นการเปิดให้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ Virtual Machine เช่นเดียวกับที่ใช้ใน On-premise โดย Azure Virtual Machine นั้น รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย ทั้ง Windows Server, Linux จากผู้พัฒนาต่างๆ เช่น Redhat, Ubuntu, Debian และยังรองรับซอฟต์แวร์ชันนำต่างๆ เช่น SAP, Oracle อีกด้วย นอกจากนี้ Azure VM ยังมี VM หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้บริการเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานอีกด้วย ซึ่ง Azure VM นั้นนับว่าเป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดในการเริ่มย้ายระบบขึ้นมาใช้งาน Microsoft Azure ข้อมูลเพิ่มเติม
Virtual Network (VNET) เป็นการสร้างระบบเครือข่ายเสมือน เพื่อรองรับการเชื่อมต่อต่างๆ ภายใน Microsoft Azure เช่น เชื่อมต่อ Azure VM เข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และนอกจากนี้ VNET ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เชื่อมต่อระหว่าง Microsoft Azure เข้ากับศูนย์ข้อมูลขององค์กร (On-premise Datacenter) ได้อย่างปลอดภัย ข้อมูลเพิ่มเติม
Azure App Service เป็น Platform ในการให้บริการแอพลิเคชันต่างๆ รองรับหลากหลายเครื่องมือในการพัฒนา เช่น .NET, .NET Core, Node.js, Java, Python, PHP สามารถขยายขนาดเพื่อตอบสนองการใช้งานที่มีผู้ใช้จำนวนมาก รองรับการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง รองรับการทำงานในรูปแบบ Container ทั้ง Windows และ Linux ตลอดจนสามารถตอบสนองการพัฒนาแอพลิเคชันในรูปแบบ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Delivery) ได้เป็นอย่างดี ข้อมูลเพิ่มเติม
Azure SQL ฐานข้อมูลซึ่งมีพื้นฐานของ Microsoft SQL Server รองรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องกังวลในในส่วนของการตั้งค่าต่างๆ รองรับการสำรองข้อมูล และมีการติดตั้ง Update ให้โดยอัตโนมัติ ข้อมูลเพิ่มเติม
Azure Backup การสำรองข้อมูลอันมีค่าขององค์กรไปเก็บไว้ในพื้นที่เก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ของ Microsoft Azure ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่สำรองไว้จะสามารถเรียกคืนได้ทันทีที่ต้องการ โดยมีระยะเวลาการเก็บข้อมูลสูงสุด 10 ปี ข้อมูลเพิ่มเติม
Azure Site Recovery การทำสำเนาระบบศูนย์ข้อมูลออกไปไว้ยัง Microsoft Azure หรือที่เรียกว่า Disaster Recovery Site (DR Site) เพื่อตอบสนองความต่อเนื่องทางธุรกิจในกรณีที่ศูนย์ข้อมูลหลักไม่ทำงาน ก็จะทำให้สามารถเปิดใช้งานระบบสำรองใน Microsoft Azure ได้อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเพิ่มเติม